tag:blogger.com,1999:blog-79487415580814420322024-02-20T05:26:20.249-08:00ลักษณะประชากรของทวีปอเมริกาเหนือAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/11758465974233737800noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-7948741558081442032.post-21258880700377898822013-03-14T20:58:00.000-07:002013-03-14T21:01:28.059-07:00ทวีปอเมริกาใต้<h3>
ทวีปอเมริกาใต้ </h3>
<b>1. ขนาดที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ </b><br />
ทวีปอเมริกาใต้เป็นทวีปที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากทวีปเอเชีย ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกาเหนือ มีพื้นที่ประมาณ 17.8 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 299 ล้านคน รูปร่างของทวีปอเมริกาใต้คล้ายคลึงกับทวีปอเมริกาเหนือ คือ มีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยมหัวกลับ มีฐานกว้างอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนยอดสามเหลี่ยมอยู่ทางทิศใต้ <br />
<br />
ตั้งอยู่ในแถบซีกโลกใต้ ระหว่างละติจูด 12 องศา 25 ลิปดาเหนือ ถึง 56 องศาใต้และลองติจูด 34 องศา 47 ลิปดาตะวันตก ถึง 81 องศา 20 ลิปดาตะวันตก อาณาเขตของทวีปอเมริกาใต้มีดังนี้ <br />
<br />
<b>อาณาเขตติดต่อ </b><br />
ทิศเหนือ ติดกับทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีคลองปานามาเป็นเส้นกั้นเขตแดนและติดต่อกับทะเลแคริบเบียน ในมหาสมุทรแอตแลนติก จุดเหนือสุดอยู่ที่แหลมกายีนาส ในประเทศโคลอมเบีย <br />
ทิศใต้ ติดกับทวีปแอนตาร์กติกา มีช่องแคบเดรกเป็นเส้นกั้นเขตแดน จุดใต้สุดอยู่ที่แหลมโฟร์วาร์ด ในคาบสมุทรบรันสวิก ประเทศชิลี <br />
ทิศตะวันออก ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก จุดตะวันออกสุดอยู่ที่แหลมโคเคอรูส ในประเทศบราซิล <br />
ทิศตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก จุดตะวันตกสุดอยู่ที่แหลมปารีนเยสในประเทศเปรู <br />
<br />
<b>2. ลักษณะภูมิประเทศ </b><br />
ลักษณะภูมิประเทศของทวีปอเมริกาใต้สามารถแบ่งออกได้ 3 ลักษณะได้แก่ <br />
<br />
1. เขตเทือกเขาตะวันตก ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส ซึ่งทอดตัวยาวขนานไปกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ทางเหนือบริเวณทะเลแคริบเบียนไปจนถึงแหลมฮอร์นทางตอนใต้ มีความยาวประมาณ 7,200 กิโลเมตร เป็นแนวเทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก ยอดเขาสูงที่สุดในบริเวณนี้ คือ ยอดเขาอะคองคากัว สูงประมาณ 6,924 เมตร บริเวณตอนกลางของเทือกเขามีที่ราบสูงที่สำคัญคือ ที่ราบสูงโบลิเวีย มีความสูงถึง 4,500 เมตร และมีขนาดกว้างใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากที่ราบสูงทิเบต บนที่ราบสูงแห่งนี้มีทะเลสาบซึ่งเป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลก ได้แก่ ทะเลสาบติติกากา ในประเทศเอกวาดอร์ <br />
<br />
2. เขตที่ราบสูงตะวันออก ประกอบด้วยที่ราบสูงสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ <br />
<br />
ที่ราบสูงกิอานา ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศเวเนซูเอลา กายอานาซูรินาเม เฟรนซ์เกียนา และภาคเหนือของบราซิล มีลักษณะที่เป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาสลับซับซ้อน <br />
<br />
ที่ราบสูงบราซิล ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีป บริเวณตะวันออกของประเทศบราซิล ตั้งอยู่ระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน ที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา และที่ราบลุ่มแม่น้ำปารากวัย ทางตะวันออกมีความสูงชัน จากนั้นค่อย ๆ ลาดต่ำลงไปทางตะวันตก <br />
<br />
ที่ราบสูงปาตาโกเนีย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีป ในเขตประเทศอาร์เจนตินาทางตะวันออกค่อนข้างราบเรียบและค่อย ๆ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางตะวันตก <br />
<br />
3. เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ อยู่บริเวณตอนกลางของทวีป เป็นที่ราบดินตะกอนที่มีความอุดมสมบูรณ์และกว้าง ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาแอนดีสและที่ราบสูงทางตะวันออก เขตที่ราบลุ่มแม่น้ำที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้มี 2 บริเวณได้แก่ <br />
<br />
ที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอนหรืออเมซอน เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 7 ล้านตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนมากมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีสและไหลสู่มหาสมุทรแอตแลนติก แม่น้ำที่สำคัญที่สุดในบริเวณนี้คือ แม่น้ำแอมะซอน <br />
<br />
ที่ราบลุ่มแม่น้ำโอริโนโค อยู่ทางตอนเหนือของทวีป ในเขตประเทศโคลอมเบีย และเวเนซุเอลา บริเวณนี้เป็นเขตเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญของทวีปอเมริกาใต้ <br />
<br />
<b>แม่น้ำที่สำคัญในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ </b><br />
<ul>
<li>แม่น้ำแอมะซอน มีความยาว 6,440 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาแอนดีส ไหลผ่านประเทศบราซิล ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
<li>แม่น้ำปารานา มีความยาว 2,800 กิโลเมตรมีต้นกำเนิดจากที่สูงทางตะวันออกของทวีป ไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกบริเวณอ่าวริโอเดอลาพลาตา
<li>แม่น้ำปารากวัย มีความยาว 2,550 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากที่สูงในประเทศบราซิลไหลผ่านประเทศบราซิล ปารากวัยไปรวมกับแม่น้ำปารานาในเขตประเทศอาร์เจนตินา </li>
</li>
</li>
</ul>
<b>3. ลักษณะภูมิอากาศ </b><br />
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของทวีปอเมริกาใต้ <br />
<br />
1. ละติจูด พื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปครอบคลุมเขตอากาศร้อน และประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทวีปเป็นอากาศแบบอบอุ่น ภูมิภาคทางเหนือของทวีปจะมีฤดูกาลที่ตรงข้ามกับภูมิภาคทางใต้ <br />
2. ลมประจำ ได้แก่ <br />
<ul>
<li>ลมค้าตะวันออกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุ่มชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
<li>ลมค้าตะวันออกเฉียงใต้ พัดผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกจึงนำความชุมชื้นเข้าสู่ทวีปบริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
<li>ลมตะวันตกเฉียงเหนือ พัดผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกจึงนำความชุมชื้นเข้าสู่ทวีป </li>
</li>
</li>
</ul>
บริเวณชายฝั่งตะวันตกของทวีป ตั้งแต่ประมาณละติจูด 40 องศาใต้ลงไป <br />
<br />
3. ทิศทางของเทือกเขา ทวีปอเมริกาใต้มีเทือกเขาสูงอยู่ทางตะวันตกของทวีป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่กั้นขวางอิทธิพลจากทะเลและมหาสมุทร ทำให้บริเวณที่ใกล้เทือกเขาค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ในทางตรงกันข้าม ชายฝั่งด้านตะวันออกจะได้รับอิทธิพลจากทะเลอย่างเต็มที่ <br />
<br />
4. กระแสน้ำ มี 3 สายที่สำคัญ คือ <br />
<ul>
<li>กระแสน้ำอุ่นบราซิล ไหลเลียบชาวยฝั่งของประเทศบราซิล
<li>กระแสน้ำเย็นฟอล์กแลนด์ ไหลเลียบชายฝั่งประเทศอาร์เจนตินา <br />
<li>กระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลเลียบชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี </li>
</li>
</li>
</ul>
<b>เขตภูมิอากาศแบ่งออกได้เป็น 8 เขต ดังนี้ </b><br />
<ol>
<li>ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น ได้แก่ บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอน เป็นบริเวณที่มีอากาศเย็น ป่าดิบชื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลกส่วนใหญ่มีพื้นที่อยู่ประเทศบราซิล มีอุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปีประมาณ 2,000 มิลลิเมตรต่อปี <br />
<li>ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน ได้แก่ บริเวณตอนเหนือและใต้ของลุ่มแม่น้ำแอมะซอน มีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูร้อนมีฝนตกแต่ไม่ชุกเหมือนในเขตป่าดิบชื้น อุณหภูมิสูงเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส มีลักษณะอากาศคล้ายกับภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย <br />
<li>ภูมิอากาศแบบทะเลทราย ได้แก่ ภาคใต้ของเปรูและภาคเหนือของชิลี เป็นบริเวณที่ร้อนและแห้งแล้งมาก มีปริมาณฝนตกเฉลี่ยต่ำกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี และบางครั้งฝนไม่ตกยาวนานติดต่อกันหลายเดือน ทะเลทรายที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ ทะเลทรายอะตากามาในประเทศชิลี ในบริเวณนี้มีฝนตกน้อยกว่า 50 มิลลิเมตรต่อปี บางครั้งฝนไม่ตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จัดเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก <br />
<li>ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย ได้แก่ ทางตะวันออกของประเทศอาร์เจนตินาจนถึงที่ราบสูงปาตาโกเนีย อุณหภูมิไม่สูงนักเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น ฤดูร้อนมีอากาศร้อน ปริมาณฝนน้อยประมาณ 500 มิลลิเมตรต่อปี <br />
<li>ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ได้แก่ บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตอนกลางของประเทศชิลี ในฤดูร้อนมีอากาศร้อนและแห้งแล้ง ฤดูหนาวมีฝนตก <br />
<li>ภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้น ได้แก่ บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของทวีป ตั้งแต่ตอนใต้ของบราซิล ปารากวัย อุรุกกวัย และตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา อากาศในบริเวณนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก ฤดูหนาวมีอากาศอบอุ่น ฤดูร้อนมีฝนตกเฉลี่ย 750 – 1,500 มิลลิเมตรต่อปี <br />
<li>ภูมิอากาศแบบภาคฟื้นสมุทร ได้แก่ บริเวณชายฝั่งทะเลอากาศหนาวจัด มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วงเฉลี่ย 5,000 มิลลิเมตรต่อปี
<li>ภูมิอากาศแบบที่สูง ได้แก่ บริเวณเทือกเขาแอนดีส เป็นบริเวณที่มีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับระดับความสูงของพื้นที่ คือ บริเวณที่ราบมีอุณหภูมิสูงและฝนตกชุก เมื่อสูงขึ้นอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนจะลดลงไปเรื่อย ๆ ยิ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000 เมตร มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีประมาณ 15 องศาเซลเซียส ปริมาณฝนตกเฉลี่ย 1,000 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่ประเทศอื่นที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สุตร แต่ตังอยู่บนที่ราบ (เช่น มาเลเซีย มีอุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซียส และมีฝนตกชุกตลอดทั้งปีสูงกว่า 2,500 มิลลิเมตรต่อปี </li>
</li>
</li>
</li>
</li>
</li>
</li>
</li>
</ol>
<b>4. ลักษณะเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม </b><br />
ลักษณะเศรษฐกิจ <br />
การทำเกษตรกรรม <br />
<ul>
<li>จากลักษณะอากาศของทวีป เหมาะกับการปลูกพืชเมืองร้อน เช่น กาแฟ กล้วย โกโก้ อ้อย ยาสูบ โดยเฉพาะกาแฟมีผู้ผลิตรายใหญ่ คือ บราซิลและโคลัมเบีย
<li>บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปารานา – ปารากวัย – อุรุกวัย มีความเหมาะสมในการปลูกข้าวสาลี เนื่องจากอยู่ในเขตอบอุ่นและเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในเขตประเทศอาร์เจนตินา
<li>การเพาะปลูกในทวีปมีทั้งการเพาะปลูกเป็นไร่การค้าขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า เอสตันเซีย และมีการเพาะปลูกแบบยังชีพ </li>
</li>
</li>
</ul>
<b>การเลี้ยงสัตว์ </b><br />
การเลี้ยงสัตว์ในทวีปอเมริกาใต้กระทำอย่างกว้างขวาง ดังนี้ <br />
<ul>
<li>ทุ่งหญ้าปามปัส เป็นเขตปศุสัตว์ขนาดใหญ่ มีการเลี้ยงโคเนื้อ โคนม แกะ
<li>ทุ่งหญ้ายาโนส (Llanos) และทุ่งหญ้าแกมโปส (Campos) เป็นเขตเลี้ยงโคเนื้อ
<li>ทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย บริเวณที่ราบสูงปาตาโกเนีย มีการเลี้ยงแกะพันธุ์ขน </li>
</li>
</li>
</ul>
ประเทศที่ส่งเนื้อสัตว์เป็นสินค้าออกจำนวนมาก คือ ประเทศอาร์เจตินา อุรุกวัย บราซิล <br />
<br />
<b>การประมง </b><br />
แหล่งประมงที่สำคัญของทวีป คือ บริเวณชายฝั่งประเทศเปรูและชิลี ซึ่งมีกระแสน้ำเย็นเปรู (ฮัมโบลด์) ไหลผ่าน มีปลาแอนโชวีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการจับปลาตามลุ่มแม่น้ำต่าง ๆ โดยชาวพื้นเมืองอีกด้วย แต่เป็นการจับปลาเพื่อยังชีพ <br />
<br />
<b>การป่าไม้ </b><br />
การทำป่าไม้ในทวีปมีไม่มากนักเนื่องจากความไม่สะดวกในการคมนาคมและการขนส่ง เขตที่มีความสำคัญในการทำป่าไม้ คือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล <br />
<br />
การทำเหมืองแร่ <br />
<br />
ทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งผลิตพืชเมืองร้อนและสินแร่ การทำเหมืองแร่มีความสำคัญรอง จากการทำเกษตรกรรม โดยมีแหล่งแร่ที่สำคัญดังนี้ <br />
<br />
- น้ำมัน ในเวเนซุเอลา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ บราซิล <br />
- เหล็ก ถ่านหิน ในบราซิล <br />
- ไนเตรท ในภาคเหนือของชิลี <br />
- บอกไซด์ ในเกียนา ซูรินาเม <br />
<br />
<b>อุตสาหกรรม </b><br />
การอุตสาหกรรมในทวีปยังไม่ค่อยมีความเจริญมากนัก เนื่องจากขาดเงินทุน และยังต้องอาศัยความร่วมมือและการร่วมลงทุนจากต่างชาติ ประเทศที่มีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรม คือ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี เวเนซุเอลา Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/11758465974233737800noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7948741558081442032.post-58772963126304946302013-03-07T20:24:00.000-08:002013-03-07T20:24:50.723-08:00ประชากรและเชื้อชาติทวีปอเมริกาเหนือ<br />
<h3 style="text-align: center;">
<span style="background-color: #ead1dc; color: purple; font-size: large;">ประชากรและเชื้อชาติทวีปอเมริกาเหนือ</span></h3>
<table style="width: 75%px;"><tbody>
<tr><td><div class="MsoNormal">
<span style="color: blue;"> </span><b>จำนวนประชากรในทวีปอเมริกาเหนือมีประมาณ 436 ล้าน คน จัดว่ามีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจาก ทวีปเอเชีย และทวีปยุโรป<br />เมื่อศึกษาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ทวีปอเมริกาเหนือมีมนุษย์อาศัยอยู่แล้ว เชื่อกันว่าประชากรดั่งเดิมของทวีปอเมริกาอพยพมาจากทวีปเอเชีย โดยเดินทางจากคาบสมุทรชุกชีของทวีปเอเชียใช้สะพานธรรมชาติ ข้ามช่องแคบแบริง เข้าสู่คาบสมุทร อลาสกาของทวีปอเมริกาเหนือแล้วไปอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือแล้วเดินทางสู่ทวีปอเมริกาใต้ตามลำดับ ต่อมาชาวยุโรปเริ่มสำรวจทางทะเล คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส Christopher Columbus เป็นผู้จุดประกาย ให้ชาวยุโรปรู้จักดินแดนแห่งนี้และรู้จักดินแดนนี้มากยิ่งขึ้นจากการเขียนรายงานของ นักเดินเรือชื่อ อมริโกเวสปุคชี Americo Vespucci ทำให้ชาวยุโรปสนใจและเข้ามาจับจองดินแดนในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ดังนี้<br /> ชาวสเปนครอบครองอาณานิคมในเขตอเมริกากลาง อเมริกาใต้และหมู่เกาะอินดีสตะวันตก<br /> ชาวอังกฤษสามารถก่อตั้งอาณานิคมบริเวณรอบ ๆ อ่าวฮัดสันและชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันออกของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน<br />่ ชาวฝรั่งเศสจับจองดินแดนตอนกลางของอ่าวเม็กซิโกขึ้นไป ตลอดลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี ทะเลสาบทั้ง 5 และชายฝั่งตะวันออกของแคนาดาเป็นอาณานิคมของตน ภายหลังดินแดนดังกล่าวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ<br /> ชาวฮอนแลนด์ จับจองบริเวณปากแม่น้ำฮัดสัน และซื้อเกาะแมนฮัดตันจากชาวพื้นเมือง ภายหลังดินแดนดังกล่าวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ<br /> เมื่อชาวยุโรปจับจองที่ทำมาหากินในทวีปอเมริกาแล้วขาดแรงงานก็ได้มีการซื้อ ชาวผิวดำ จากทวีปอัฟริกามาเป็นทาส ใช้เป็นแรงงานในฟาร์มของตน เมื่อผู้นำของประเทศประกาศให้มีการเลิกทาส ชาวผิวดำจึงกลายเป็นประชากรของทวีปนี้ นอกจากนี้ยังมีการอพยพจากชาวเอเชียเข้าไปทำมาหากินในทวีปอเมริกาเหนือเช่น ชาวจีน ชาวไทย ลาว เขมร ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของทวีปนี้<br /> จากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์พอสรุปได้ว่าประชากรของทวีปอเมริกาเหนือแบ่งเชื้อชาติได้ดังนี้<br />เชื้อชาติหลัก Race<br /> 1. ผิวเหลือง Mongoloids<br /> 2. ผิวขาว Caucasoids<br /> 3. ผิวดำ Negroids<br />เชื้อชาติผสม Subrace<br /> 1. เมสติโซ Mestizos<br /> 2. มูแลตโต Mulattos<br /> 3. แซมโป Zambos<br /> ประชากรชาวผิวเหลือง Mongoloids ในทวีปอเมริกาเหนือเป็นประชากรดั่งเดิมพวกอินเดียนแดง American Indian ที่สร้างอารยธรรมไว้แถบอเมริกากลาง บริเวณประเทศกัวเตมาลา บริติชฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ และฮอนดูรัส เรียกอารยธรรม มายา Mayas ส่วนบริเวณประเทศเม็กซิโก ก็มีชาวผิวเหลืองสร้างความเจริญไว้ เรียกอารยธรรม แอซเตก Aztecs ประชากรผิวเหลืองพวกเอสกิโม Eakimo อพยพมาหลังชาวอินเดียนแดง American Indian ปัจจุบันอาศัยอยู่มาก บริเวณอากาศหนาว ทางตอนเหนือของทวีป<br /> ประชากรที่เป็นผิวเหลืองชาวเอเชียที่เข้าไปหลังจากที่ชาวยุโรปเข้าไปตั้งถิ่นฐานแล้วได้แก่ ชาวจีน ญี่ปุ่น ไทย ลาว เขมร ฟิลิปินส์ ฯลฯ ที่เข้าไปอาศัยอยู่เป็นชนกลุ่มน้อยกระจัดกระจายตามเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ประเทศในกลุ่มอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสตะวันตก<br /> ประชากรชาวผิวขาว Caucasoids ในทวีปอเมริกาเหนือเป็นประชากรที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน เมื่อมีการสำรวจทางทะเลและแสวงหาอาณานิคม แล้วอาศัยอยู่ในบริเวณที่ทำสงครามแย่งชิงดินแดน และจับจองระหว่างชาติยุโรปด้วยกัน ชาติใดมีชัยชนะก็จะสามารถจับจองและอพยพประชากรจากยุโรปเข้าไปตั้งถิ่นฐานได้ จากการศึกษาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ชาวยุโรปใต้เชื้อชาติ คอเคซอย์พวกเมดิเตอร์เรเนียน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือเรียกว่า ลาตินอเมริกา เพราะถูกจับจองโดยสเปน ได้แก่ ประเทศเม็กซิโก ประเทศในกลุ่มอเมริกากลาง และหมู่เกาะอินดีสตะวันตก<br />เชื้อชาติ คอเคซอย์พวกนอร์ดิก ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ เรียกว่า แองโกลอเมริกา ซึ่งหมายถึง สหรัฐอเมริกาและแคนาดา<br />คอเคซอยด์ชาวฝรั่งเศส อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ บริเวณตะวันออกของแคนาดา ในมณฑลควิเบก<br /> เมสติโซ Mestizos ประชากรที่เกิดจากสายเลือดผสมระหว่างชนพื้นเมืองกับชาวยุโรป (มองโกลอยด์+คอเคซอยด์) อาทิ พวกอินแดียนแดงกับสเปน อินเดียนแดงกับฝรั่งเศส เอสกิโมกับอังกฤษ<br /> มูแลตโต Mulattos ประชากรที่เกิดจากสายเลือดผสมระหว่างชาวผิวดำกับชาวยุโรป (นิกรอยด์+คอเคซอยด์)<br /> แซมโป Zambos ประชากรที่เกิดจากสายเลือดผสมระหว่างชาวผิวเหลืองกับชาวผิวดำ (นิกรอยด์+มองโกลอยด์</b></div>
</td></tr>
</tbody></table>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/11758465974233737800noreply@blogger.com1